ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

ฮือฮาพบฟอสซิลไฮยีน่าอายุ7แสนปีที่อ่าวลึก


นายนิวัฒน์ วัฒนายาพร นักวิชาการท้องถิ่นประจำศูนย์วัฒนธรรม จ.กระบี่ พร้อมทีมอาสาสมัครอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอ่าวลึก เข้าตรวจสอบซากฟอสซิลสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ ภายในถ้ำบริเวณภูเขาถ้ำเพชร หมู่ 6 ต.อ่าวลึก

เหนือ อ.อ่าวลึก หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้าน โดยพบร่องรอยฟอสซิลกระดูกสัตว์ยุคโบราณตามผนังถ้ำ และซากกระดูกสัตว์แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยฝังกระจายอยู่ทั่วบริเวณ

นายนิวัฒน์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญกรมทรัพยากรธรณี ส่งนักวิชาการมาเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบ พบว่าเป็นกระดูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตระกูลแรดชวา และ ไฮยีน่า คาดว่าอายุประมาณ 7 แสนปี อยู่ในยุคไพลสโตซีน ตอนกลางถึงตอนปลาย

การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พบแหล่งอาศัยของไฮยีน่าในทวีปเอเซีย เพราะปกติจะมีแหล่งอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา และคาดว่าเป็นไฮยีน่าลายจุด ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดุร้ายและทรงพลัง

เผยโฉมหน้ามนุษย์โบราณ 13,000 ปี ผลงานสำคัญระดับโลกทีมนักโบราณคดีไทย


นักโบราณคดี นำสื่อมวลชนลงสำรวจร่องรอยวัฒนธรรมถ้ำผีแมนโลงลงรักแห่งใหม่ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน อายุ 2,000 ปี หลังตรวจดีเอ็นเอโครงกระดูกมนุษย์กว่า 100 ร่างที่พบมีความเป็นไปได้สูงเชื่อมโยงเครือญาติ พร้อมต่อจิ๊กซอว์ผู้หญิงจากถ้ำลอดอายุ 13,640 ปี

วันนี้ รศ.ดร.รัศมี ชูทรงเดช คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ใน อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอนภายใต้การสนับสนุน ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ประสบความสำเร็จในการขึ้นรูปหน้าจำลองของผู้หญิงจากโครงกระดูกโบราณในช่วงเวลาสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง Ice Age หรือสมัยไพลสโตซีน ซึ่งตรงกับปลายยุคน้ำแข็งของยุโรป และโครงกระดูกดังกล่าว ซึ่งเป็น 1 ใน 4 โครงกระดูกผู้หญิงที่เสียชีวิตช่วงอายุประมาณ 25-35 ปี และมีอายุเก่าแก่ถึง 13,640 ปี ที่ขุดพบจากแหล่งโบราณคดีเพิงผาถ้ำลอด อ.ปางมะผ้า ตั้งแต่ปี 2546 ถือเป็นการพบวัฒนธรรมเก่าแก่ที่สุดก่อนประวัติศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ความสำเร็จครั้งนี้การขึ้นรูปหน้าจำลองครั้งนี้ที่ทำร่วมกับ ดร.ซูซาน เฮยส์ จากมหาวิทยาลัยวอลลองกอง ประเทศออสเตรเลียที่ต้องที่ต้องเปรียบเทียบจากแฟ้มภาพ และเทียบคลังกะโหลกศีรษะของผู้หญิงในยุคเดียวกัน จำนวน 720 ตัวอย่างจาก 25 ประเทศทั่วโลก

นักโบราณคดี กล่าวว่าถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นระดับโลก เพราะการขึ้นรูปหน้า หรือการจำลองใบหน้าจากชิ้นกระดูกกะโหลกศีรษะ และใบหน้าบางส่วนนี้ นับเป็นครั้งแรกของไทยและของโลกที่จะได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงในยุคปลายสุดของยุคน้ำแข็ง โดยการขึ้นรูปหน้าจำลองครั้งนี้ที่ทำร่วมกับ ดร.ซูซาน เฮยส์ จากมหาวิทยาลัยวอลลองกอง ประเทศออสเตรเลียที่ต้องที่ต้องเปรียบเทียบจากแฟ้มภาพ และเทียบคลังกะโหลกศีรษะของผู้หญิงในยุคเดียวกัน จำนวน 720 ตัวอย่างจาก 25 ประเทศทั่วโลก

ก่อนหน้านี้คณะนักวิจัยได้ประสานให้นายวัชระ ประยูรคำประติมากร ได้มีความพยายามในการทดลองปั้นใบหน้าเป็นสามมิติโดยใช้ข้อมูลจาก นางนัทธมน ภู่รีพัฒน์พงศ์ คงคาสุริยฉาย ซึ่งเป็นผู้ขุดค้นโครงกระดูกนี้ มาทำการวิเคราะห์และจำลองแบบขึ้นมาด้วยการอาศัยโปรแกรมคอมพิวเตอร์และหล่อเรซินเบื้องต้น และหากให้วิเคราะห์ว่าหน้าตาของผู้หญิงโบราณคนนี้เป็นโฮโม เซเปียนส์ เซเปียนส์ รูปใบหน้ามีโหนกแก้มสูงดวง ตา รูปร่างคล้ายผลอัลมอนด์ ผิวสีน้ำตาล ผมน่าจะสีดำออกน้ำตาล และหน้าตาเหมือนกับผู้หญิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พบวัฒนธรรมโลงไม้ลงรักอายุ 2,000 ปี
รศ.ดร.รัศมี กล่าวอีกว่า ล่าสุดยังสำรวจขุดค้นแหล่งโบราณคดีถ้ำผีแมนโลงลงรักแห่งใหม่ ซึ่งศึกษาพบมีโลงไม้ และโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมาก อายุกว่า 2,000 ปี เป็นหลักฐานทางโบราณคดี และร่องรอยของคนโบราณบนพื้นที่สูงที่ไม่เคยพบมาก่อน เช่น โลงไม้ขนาดและรูปทรงต่างๆ กระดูกคนในโลงไม้ การฝังศพบนพื้นถ้ำ โลงไม้ที่มีการลงลวดลายผิวด้านนอกด้วยยางรัก ซึ่งวัฒนธรรมโลงไม้เป็นวัฒนธรรมใหม่ของคนไป่เย่วจากจีนตอนใต้ตั้งแต่มณฑลยูนนานถึงชายฝั่งทะเล และกลุ่มคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่ามีเชื้อสายเดียวกับคนไท ดูจากการตกแต่งฟันที่ส่งไปตรวจสอบ

นางนัทธมน บอกว่า การค้นพบโลงไม้ในถ้ำแห่งนี้ ทีมวิจัยแบ่งจุดสำรวจออกเป็น 3 ห้องโดยเฉพาะห้องเอ 1 ที่มีขนาดเพียงโดย 8x9 เมตร พบโลงไม้ที่มีความสมบูรณ์ถึง 20 โลง และช่วง 1,900--1,600 ปีโดยเฉพาะพบว่ามีช่วงอายุ และช่วงเด็กหลากหลายช่วงวัย และวัยกลางคน ตอนนี้การค้นพบและนำชิ้นส่วนกระดูกออกมา เพื่อวิเคราะห์ต่อจิ๊กซอว์สิ่งที่กำลังทำคือการตรวจสอบดีเอ็นเอเพื่อหาความสัมพันธ์ทางเครือญาติและเชื้อสาย แต่มีแนวโน้มข่าวว่าโครงกระดูกที่พบในถ้ำผีแมนโลงลงรัก น่าจะมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ

พบซากฟอสซิลเก่าแก่ที่สุดในโลกในแอฟริกาใต้


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าคณะนักวิจัยนานาชาติเผยการค้นพบ ซากฟอสซิลของสัตว์หลายชนิดที่วนอุทยานแห่งชาติอีโตชา ทางตอนเหนือของประเทศนามิเบีย ในแอฟริกา จากการตรวจสอบพบว่า เป็นซากสัตว์เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบในโลก มีอายุระหว่าง 760-550 ล้านปี ซึ่งซากฟอสซิลที่เคยพบมานั้นมีอายุระหว่าง 650-600 ล้านปีเท่านั้น

ทั้งนี้ นักวิจัยพบซากฟอสซิลสัตว์ขนาดเล็ก มีลักษณะเหมือนฟองน้ำ รูปทรงคล้ายแจกัน ซึ่งพกวเขาเรียกมันว่า โอตาเวีย แอนติคิว ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ยังหมายถึงว่าซากฟอสซิลเหล่านี้คือบรรพบุรุษของมนุษย์เรานั่นเอง

ด้านนายโทนี่ ฟราฟ นักธรณีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ ในสกอตแลนด์ หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า ฟอสซิลที่พบชุดนี้เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า สัตว์อาจถือกำเนิดบนโลกมาตั้งแต่ 760 ล้านปีก่อน ตรงกับสมมุติฐานของนักพันธุกรรมวิทยาที่ใช้ นาฬิกาโมเลกุล หาอายุของพืชและสัตว์ ด้วยการจำแนกอัตราความแตกต่างทางพันธุกรรม

เม็กซิโกรัฐบาลได้เผยแพร่สิ่งประดิษฐ์ทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึง ET

สิ่งประดิษฐ์ที่ตีพิมพ์หินแสดง
ให้เห็นว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้อยู่ในอวกาศที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว เห็นได้จากลวดลายบนก้อนหินซึ่งการเดินทางข้ามอวกาศเป็นไปได้ในอดีต เราสามารถเห็นจรวดหรือสิ่งที่คล้ายกับดิสก์ที่บินซึ่งมีลูกเรือคนเดียว


หินจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารใจเตรียมอำนวยเม็กซิกัน Juan Carlos Rulfoa ที่เตรียมสารคดีของโลกเกี่ยวกับอารยธรรมมายา 

ผู้ผลิตภาพยนตร์ราอูลจูเลียเลวี่กล่าวถึงการเตรียมการและถ่ายทำในความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลเม็กซิโกและปรารถนาด่วนของประธานาธิบดีตัวเอง รัฐบาลเม็กซิโกหวังว่าโอกาสนี้ในการสร้างแรงบันดาลใจเช่นเดียวกับรัฐบาลของรัฐไปยังได้ร่วมกันข้อมูลของพวกเขาใน ET

เดอะการ์เดียนยกประธานาธิบดี Alvaroz Colom Caballeros กล่าวว่า "เม็กซิโกจะปล่อยรหัสวัตถุโบราณและเอกสารสำคัญที่มีหลักฐานเกี่ยวกับการติดต่อกับต่างดาวและข้อมูลทั้งหมดจะได้รับการยืนยันจากนักโบราณคดี"

ซากอุกกาบาตบนเกาะศรีลังกา

(ซากดึกดำบรรพ์ของอุกกาบาตศรีลังกา)



หลังจากการวิเคราะห์ซากอุกกาบาตที่ตกในศรีลังกานักวิจัยพบว่าวัตถุที่พวกเขาพบนั้นเป็นมากกว่าชิ้นส่วนของหินจักรวาล มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ต่างดาวในความหมายที่แท้จริงที่สุด: สิ่งประดิษฐ์ที่ประกอบด้วยมนุษย์ต่างดาวที่แท้จริงที่สุด 

การศึกษาสองชิ้นแยกกันแสดงให้เห็นว่าอุกกาบาตนั้นมีฟอสซิลและสาหร่ายซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดจากนอกโลกอย่างชัดเจน


ศาสตราจารย์จันทราวิคครามสิงห์หัวหน้าการศึกษาครั้งแรกกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นหลักฐานที่บ่งบอกถึงอาการแพนซี่เมีย (สมมติฐานที่ว่าชีวิตมีอยู่ในจักรวาลและแพร่กระจายผ่านอุกกาบาตและหินแข็งอื่น ๆ ) 

อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างที่คาดไว้ Vikramasingha เป็นคนที่กระตือรือร้นในทฤษฎีของ panspermia 
โดยมีแนวโน้มที่จะอ้างว่าเกือบทุกสิ่งที่เขาพบนั้นมีต้นกำเนิดที่แปลกประหลาด 


ยิ่งไปกว่านั้นร่องรอยของสิ่งมีชีวิตบนอุกกาบาตนั้นมีสัตว์น้ำจืดชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในโลกและสิ่งนี้บ่งชี้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นปนเปื้อนด้วยสิ่งมีชีวิตในช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ไปกับโลกของเรา