ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

ประวัติป่า Hoia-Baciu Forest

ประวัติป่า Hoia-Baciu Forest
ถ้าพูดถึงการไปท่องป่าเขาลำเนาไพร หลายๆ คนคงนึกถึงสถานที่สวยๆ อันเขียวขจี เต็มไปด้วยธรรมชาติ มีแมกไม้สวยงาม นกร้องเพลง แต่มันไม่ใช่กับป่านี้แน่ๆ

‘Hoia-Baciu Forest’ หนึ่งในป่าซึ่งขึ้นชื่อว่าน่ากลัวที่สุดในโลก Hoia-Baciu Forest มีเนื้อที่ประมาณ 295 เฮกเตอร์
ซึ่งได้รับการขนานนามว่า ‘สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่ง Transylvania’ หรือบางครั้งก็ถูกเรียกว่า ‘สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งRomania’ ขึ้นชื่อว่ามีความลึกลับรวมทั้งเต็มไปด้วยเรื่องราวอันเหนือธรรมชาติซึ่งไม่อาจหาคำตอบได้ บริเวณใจกลางของป่าจะมีอาณาเขตอันมีเป็นลักษณะวงกลม เห็นได้อย่างชัดเจนจากบนฟ้า
โดยเจ้าวงกลมนี้กลับไม่มีต้นไม้ใดๆ ขึ้นอยู่เลยสร้างความน่าประหลาดมาก เมื่อลองถ่ายภาพด้วยกล้องจับความร้อนจากบนอากาศ ก็พบความร้อนอันชัดเจนขึ้นแตกต่างกับบริเวณป่าโดยรอบมาก แถมพื้นที่วงกลมนี้ก็ยังเป็นบริเวณ

พบเรื่องลึกลับมากที่สุดในป่า เช่น แสงไฟประหลาดซึ่งมักเกิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือพลังงานลึกลับอันหาคำตอบไม่ได้ และมีชาวบ้านผู้หญิงคนหนึ่งเล่าว่าในสมัยเธอยังเด็ก เธอเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในป่าและก็หายตัวไป ก่อนจะถูกพบว่าพวกเขาทั้งหมดได้แขวนคอตาย โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นเพราะพวกเขาถูกอำนาจของผีแห่งป่าควบคุม
ต่อมาในช่วงทศวรรษ 60 ศาสตราจารย์ Alexandru นักชีววิทยาได้ลงสำรวจพร้อมเก็บข้อมูลเกี่ยวกับป่าแห่งนี้อย่างละเอียด โดยเขาได้ศึกษาถึงปรากฏการณ์แสงและพลังแม่เหล็กซึ่งเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง โดยเก็บหลักฐานเป็นภาพถ่ายจำนวนมาก

ท่านศาสตราจารย์เชื่อว่าเรื่องนี้อาจเชื่อมโยงไปถึง UFO หรือ สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก จนกระทั่งได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในช่วงทศวรรษ 70 แต่หลังจากที่ท่านเสียชีวิตไปในปี ค.ศ. 1993 หลักฐานทั้งหมดก็หายไป 
มีเรื่องราวลึกลับซึ่งพบในป่า Hoia-Baciu Forest มากมาย เช่น แสงไฟประหลาดซึ่งมักปรากฏขึ้นอย่างไร้สาเหตุ หรือพลังงานลึกลับที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ มีบางคนได้เข้าไปย่างกรายในป่าแห่งนี้และพบว่าตัวเขาถูกอะไรบางอย่างผลักจนกระเด็นไปไกลถึง 2–4 เมตร แน่นอนว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต่างก็หวาดกลัวจนกระทั่งไม่มีใครกล้าเหยียบเข้าไปในป่าแห่งนี้เลย
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ในปัจจุบันป่า Hoia-Baciu Forest ได้กลายเป็นสถานที่อันน่าสนใจ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชอบเรื่องราวลึกลับ ต้องการพิสูจน์ความน่ากลัวนี้ด้วยตัวเอง

จึงทำให้จุดสนใจของป่าแห่งนี้ในยุคสมัยใหม่ ก็จัดอยู่ในแง่ของความบันเทิงมากกว่า ป่าแห่งนี้สามารถดึงดูดนักเดินทางที่ชอบเรื่องลึกลับ เข้ามาได้เรื่อยๆ จนสร้างรายได้ให้แก่ผู้คนในเมืองจำนวนมาก

เขาโรไรมา Mount Roraima เทือกเขาสูงที่สวยงาม

‘ธรรมชาติ’มารดาแห่งต้นกำเนิดทั้งปวง ได้สร้างสรรค์สิ่งอัศจรรย์ต่างๆ มากมาย ขึ้นบนโลกแห่งนี้ ทั้งผืนฟ้า , มหาสมุทร รวมถึงผืนแผ่นดิน ซึ่งวันนี้เรามีความงดงามสุดอัศจรรย์ทางธรรมชาติของผืนดินที่อยากนำมาเสนอให้คุณได้รับชม
นั่นก็คือ ‘Mount Roraima’ เขายอดตัดอันมีความมหัศจรรย์เป็นอันดับต้นๆ ของโลก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่สุดท้าทายสำหรับผู้หลงใหลการปีนภูเขา เป็นยอดเขาสูงสุดแห่งเทือกเขา Pacaraima ตั้งอยู่ในเมือง Roraima ของประเทศบราซิล ซึ่งอยู่ ณ ดินแดนอเมริกาใต้ บนพรมแดนซึ่งเชื่อมต่อระหว่างทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ เวเนซุเอลา , บราซิล และกายอานา ยอดเขานี้มีความสูง 2,810 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล 

ส่วนเอกลักษณ์อันน่าแปลกประหลาด ซึ่งทำให้ภูเขาลูกนี้มีชื่อเสียง คือ ลักษณะของยอดเขาอันแบนราบเรียบราวกับพื้นโต๊ะกินข้าว กว้าง 31 ตารางกิโลเมตร ถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาแนวดิ่งสูงถึง 400 เมตรทุกด้าน ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1596 จากลักษณะความสวยงามอันโดดเด่นทางด้านภูมิศาสตร์เช่นนี้นี่เอง จึงทำให้ภูเขาแห่งนี้มีชื่อเสียง จนกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางของนักผจญภัยจำนวนมากในทุกๆ ปี และนอกจากจะเป็นสถานที่แห่งสำคัญของนักปีนเขาแล้ว Mount Roraima ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งมีความสำคัญทางธรณีวิทยาอีกด้วย 
เนื่องจาก Mount Roraima เป็นหนึ่งในลักฐานของการก่อตัวทางธรณีวิทยาอันเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุยาวนานกว่า 2,000 ล้านปี ซึ่งยังคงหลงเหลือให้เห็นอย่างสมบูรณ์อยู่

ณ ปัจจุบันบริเวณด้านบนสุดของ Mount Roraima เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ มีลักษณะเป็นแอ่ง ซึ่งลงไปเล่นน้ำได้ มีเสียงเล่าลือกันว่ามันสบายเท่ากับการแช่อ่างน้ำจากุซซี่สุดหรูหราเลยทีเดียว และยังเป็นแอ่งน้ำอันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกด้วย

เมื่อนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้้นมาถึงยอดได้สำเร็จ พวกเขาก็จะลงเล่นน้ำจากสระแห่งนี้ เป็นการชำระล้างเหงื่อไคล และเติมความสดชื่น ท่ามกลางวิวธรรมชาติล้อมรอบอันไกลสุดลูกหูลูกตา สำหรับคนที่ต้องการไปเยือนสถานที่นี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต สามารถเดินทางเข้าไปใน Canaima National Park โดยเดินเท้าเข้าป่าไปชมเท่านั้น 
ซึ่งจะใช้เวลาเดิน 2 วัน ก็จะถึงภูเขาอีกด้านหนึ่ง สำหรับเส้นทางดีที่สุดคือ การไต่ขึ้นบันไดตามธรรมชาติจากฝั่งเวเนซุเอลาไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคุณคิดว่ามันธรรมดาไป อยากรู้สึกตื่นเต้นท้าทายมากกว่านี้ ก็ให้ไต่ผาฝั่งประเทศบราซิลและกายอานาได้เลย รับรองว่าตื่นเต้นถึงใจแน่ 
สำหรับคนที่กำลังมองหาการผจญภัยพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ให้แก่ชีวิต ในดินแดนอเมริกาใต้ขอบอกว่า ” Mount Roraima” จัดเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

อัญมณีแห่ง Great Sand Sea

อัญมณีแห่ง Great Sand Sea
ระหว่างพรมแดนของอียิปต์กับลิเบียคือ Great Sand Sea ทะเลทรายขนาดมหึมาที่ทอดตัวจากเหนือจรดใต้ประมาณ 650 กิโลเมตรและ 300 กิโลเมตร
จากตะวันออกไปตะวันตก ครอบคลุมพื้นที่ถึงประเทศไอร์แลนด์ ลมที่พัดผ่านได้ทำให้ทรายกลายเป็นสันทรายขนาดใหญ่ตามแนวยาวที่สูงขึ้น100 เมตรและยาวต่อเนื่องหลายร้อยกิโลเมตร คั่นด้วยทางเดินเรียบ ๆ ประมาณหนึ่งหรือสองกิโลเมตร 
ในช่องว่างแคบ ๆ ยาว ๆ เหล่านี้เป็นพื้นที่ของหินแข็งชั้นล่างที่อยู่ใต้ชั้นดินและทราย ซึ่งเป็นที่ที่พบแก้วธรรมชาติแปลกตา
แก้วทะเลทรายลิเบียนับว่าเป็นแก้วซิลิกาธรรมชาติที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในโลก โดยทั่วไปแล้วแก้วจะมีสีเหลือง ที่อาจใสมากหรือเป็นสีน้ำนมและยังมีฟองสบู่เล็ก ๆ อยู่ข้างใน  แก้วเหล่านี้มีมากกว่าหนึ่งพันตันทั่วทั้งทะเลทรายหลายร้อยกิโลเมตร ส่วนใหญ่มีขนาดเท่าก้อนกรวดที่ผิวถูกขัดเรียบ....
โดยการพัดของทราย บางชิ้นก็มีขนาดและน้ำหนักที่มากพอสมควร โดยชิ้นที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบนั้นมีน้ำหนักประมาณ 26 กิโลกรัม
แก้วธรรมชาติในทะเลทรายลิเบียนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากฟ้าผ่าหรือการปะทุของภูเขาไฟหรืออุกกาบาตที่พุ่งชนโลก แก้วทะเลทรายลิเบียเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 26 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าแก้วนี้เกิดขึ้นเมื่ออุกกาบาตพุ่งชนโลก แต่กลับไม่มีหลุมอุกกาบาต ทำให้เกิดปัญหาสำหรับทฤษฎีนี้ ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่าดาวหางอาจระเบิดออกเมื่อใกล้ถึงผืนทรายด้านล่างที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าด้านบนของอุกกาบาตที่มีอุณหภูมิสูง ทำให้เกิดซิลิกาเป็นจำนวนมาก
จี้ของฟาโรห์ตุตันคามุน
มีแมลงปีกแข็ง (หินสีเขียวอ่อนอยู่ตรงกลาง) แกะสลักจากแก้วทะเลทราย....
การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกของแก้วทะเลทรายลิเบีย ถูกค้นพบโดยชาวอังกฤษชื่อ Patrick A. Clayton
ในปีค.ศ. 1932 ซึ่งได้นำตัวอย่างแรกกลับไปยังยุโรปเพื่อทำการวิจัย แต่ในความเป็นจริงแล้วการมีอยู่ของแก้วนั้นเป็นที่รู้จักมาก่อนในหมู่ชาวท้องถิ่นในยุคหินใหม่ที่มีการสร้างเครื่องมือจากแก้ว และต่อมาชาวอียิปต์ก็ใช้มันเป็นอัญมณี...
ซึ่งแก้วทะเลทรายลิเบียที่โด่งดังที่สุด คือแก้วแกะสลักขนาดใหญ่บนเกราะของฟาโรห์ตุตันคามุนชื่อดังของอียิปต์นั่นเอง