ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

ตะลึง ขุดพบศพ มัมมี่ใส่รองเท้า อาดิดาส

👹ตะลึง ขุดพบศพ “มัมมี่” 
ใส่รองเท้า “อาดิดาส”
ค้นหา
Custom Search
นักโบราณคดีจาก มองโกเลีย ได้ทำการสำรวจและขุดซากวัตถุโบราณต่างๆ ในพื้นที่ของประเทศตัวเอง ก่อนจะเจอเรื่องราวชวนทึ่งเมื่อมีการขุดพบซากศพมัมมี่ของหญิงสาวคนหนึ่ง ร่างกายไม่เน่าเปื่อย แต่ที่เด็ดยิ่งกว่าคือมัมมี่ตนนี้ใส่รองเท้าที่ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับรองเท้าของ “อาดิดาส” แบรนด์กีฬาชื่อก้องโลกจาก เยอรมนี
ร่างของหญิงสาวคนดังกล่าวถูกฝัง
อยู่ที่เทือกเขาอัลไต ประเทศมองโกเลีย ทีมนักโบราณคดีได้ทำการสำรวจขุดขึ้นมา บริเวณศีรษะถูกทุบด้วยของแข็งโดยคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิต คาดการณ์ว่าเธอน่าจะมีอายุประมาณ 30 - 40 ปี โดนถูกฝังมานานกว่า 1,100 ปี ซึ่งสภาพก็ยังไม่เน่าเปื่อย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะศพถูกฝังลงไปลึกราว 3 เมตร ในอากาศค่อนข้างเย็น
        
แต่ที่น่าสนใจคือ รองเท้าที่เธอสวมใส่นั้นมีลวดลาย 3 แถบ คล้ายคลึงกับรองเท้าของ อาดิดาส แบรนด์กีฬาชื่อดังที่นักกีฬาหลายคนใช้สวมใส่อยู่ 
จนเป็นที่ฮือฮาของหมู่นักโบราณคดี และเชิญชวนให้สำรวจกันต่อว่าผู้คนสมัยนั้นมีขนบธรรมเนียม และความนิยมในเรื่องแฟชั่นการแต่งตัวอย่างไรบ้าง

อาคารลึกลับรูปทรงประหลาดชวนพิศวง ที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรแอตแลนติก

🏢อาคารรูปทรงประหลาดชวนพิศวง ที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรแอตแลนติก
ในอดีตฝรั่งเศสเป็นอีกประเทศที่ออกล่าอาณานิคมไปทั่วโลก และแน่นอนว่าในช่วงนั้นก็มีการทำสงครามกับฝั่งอังกฤษด้วยเช่นกัน แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทหารอังกฤษบุกเข้าโจมตีจาก 2 ฝั่ง สถาปนิกชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งเชื่อว่านี่เป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ผลงานของตัวเอง เขาจึงบรรจงสร้างตึกรูปทรงประหลาดนี้ขึ้นมา
ค้นหา
Custom Search
ณ มหาสมุทร Ile d’Aix  และ Ile d’Oléron ที่ประเทศฝรั่งเศส คุณจะได้เห็นตึกรูปร่างประหลาดหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ตึกอาคาร แต่มันถูกสร้างมาเพื่อเป็นเกาะกลางทะเลที่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของ Fort Boyard และสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการสำหรับป้องกันเมือง Charente กับอ่าว Rochefort ในช่วงศตวรรษที่ 17
จุดประสงค์แรกสุดที่สร้างมันขึ้นมาก็เพื่อใช้เป็นฐานทัพกองกำลังแห่งฝรั่งเศสภายใต้การปกครองของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 
โดยโปรเจกต์นี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1662 และด้วยวิทยาการอะไรต่างๆ ที่ยังไม่ทันสมัย จึงทำให้โครงการสร้างไม่สำเร็จเพราะค่าใช้จ่ายสูงเกินไป
แต่ก็ใช่ว่ามันจะถูกทิ้งร้างไว้อย่างน่าเสียดาย เพราะครั้งหนึ่ง Vauban ผู้เปรียบเสมือนบิดาแห่งสถาปนิก เคยออกมากล่าวว่าสิ่งก่อสร้างดังกล่าวใกล้เคียงกับคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ สูงมาก ถึงแม้ว่ามันจะถูกสร้างมาอย่างลวกๆ แต่มันก็ถูกใช้งานมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ทำสงครามกับอังกฤษ จนกระทั่งในปี 1801 ซึ่งเป็นยุคการปกครองของนโปเลียน จึงได้สั่งให้มีการบูรณะสถานที่แห่งนี้ใหม่อีกครั้ง

ทว่ายังไม่ทันได้สร้างเสร็จดี โครงการก็ถูกล้มเลิกไป จนต่อมาในปี 1830 พระเจ้าหลุยส์ฟิลิปจึงได้สั่งสร้างสถานที่แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง ในช่วงนั้นคนงานก่อสร้างต้องมารวมกันอาศัยอยู่ที่ Ile d’Oléron และมันก็นำมาซึ่งวิถีชีวิตของคนในชุมชน จนเริ่มขยับขยายไปเรื่อยๆ และกลายเป็นท่าเรือขนส่งในที่สุด ซึ่งสถานที่แห่งนี้สร้างเสร็จในปี 1858 หลังก่อสร้างเสร็จสถานที่แห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นโกดังสำหรับเก็บอาหาร รวมถึงอาวุธทหารต่างๆ อีกทั้งยังสามารถจุคนได้มากถึง 250 คน
แต่เมื่อยุคสมัยผ่านไปจุดประสงค์ที่ถูกใช้งานก็เปลี่ยนตาม เมื่อปี 1990 สถานที่แห่งนี้ก็ถูกปลุกให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจากรายการเรียลลิตี้ทีวีโชว์ Les Adventures ซึ่งเป็นรายการที่จะพาผู้เข้าแข่งขันไปเอาชีวิตรอดบนเกาะแห่งนี้ แม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นประวัติแบบคร่าวๆ ของสถานที่ 
Vauban
ทว่าจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในละแวกนั้นว่ากันว่า จากผู้เสียชีวิตจำนวนมากในช่วงสงครามโลก ทำให้ทุกวันนี้ยังมีคนเห็นผู้ชายใส่ชุดทหารเหมือนในอดีตเดินตรวจการณ์สถานที่แห่งนี้อยู่ และถ้ามองดูจากสภาพของมันแล้วก็แอบหลอนอยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะ ว่ามั้ย?

เหตุการณ์ปริศนาเมื่อนักธุรกิจหนุ่มสตาร์ทรถและสลบไป รู้สึกตัวอีกทีโผล่ไปอยู่อีกฟากของประเทศ

😱เหตุการณ์ปริศนา! เมื่อนักธุรกิจหนุ่มสตาร์ทรถและสลบไป รู้สึกตัวอีกทีโผล่ไปอยู่อีกฟากของประเทศในเวลาไม่ถึง 5 นาที
ค้นหา
Custom Search
ในเมือง Bahia Blanca เมืองหนึ่งในบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ผู้หนึ่งกำลังเดินไปขึ้นรถหลังจากที่เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพื่อกลับบ้านที่อยู่ห่างไปประมาณ 300 กม. ในตอนเช้ามืด หลังจากเก็บของใส่รถเรียบร้อยเขาก็ทำการสตาร์ทรถและทันใดนั้นจู่ๆ ก็เกิดหมอกหนาที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดได้มาห่อหุ้มรถเขาไว้ ซึ่งเขารู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากเพราะหมอกที่ว่านี้มันบดบังทัศนวิสัยทั้งหมดของเขาจนมองไม่เห็นสิ่งใดๆ นอกรถ

ความกลัวพุ่งเข้ามาในสมอง ความคิดตอนนั้น เขาเริ่มคิดว่าตนเองอาจจะเสียชีวิตแบบกะทันหันและหมอกนี้เหมือนกับพาเขามายังโลกหลังความตาย และสติของ Bahia ก็ดับวูบลง Bahia รู้สึกตัวอีกทีว่าเขาอยู่ริมถนนใหญ่เนื่องจากเสียงรถบรรทุกที่วิ่งผ่านไปได้ปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาเห็นนั้นคือแสงไฟจากรถที่กำลังวิ่งมาพร้อมกับพระอาทิตย์กำลังขึ้นช้าๆ Bahia มองนาฬิกาก็พบว่าเขาหมดสติไปเพียงแค่ 5 นาทีเพียงเท่านั้น เมื่อตั้งสติได้เขาก็หันมองรอบตัวและพบว่าเขานอนอยู่ริมถนนในที่ที่ไม่คุ้นตาเลยแม้แต่น้อย

คนขับรถบรรทุกเดินลงจากรถมาหาเขาพร้อมกับถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม ซึ่งเขาก็ถามไปว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน คำตอบจากคนขับก็ทำให้เขางงอย่างที่สุดเพราะตอนนี้เขาอยู่ที่จังหวัดที่อยู่ไกลจากโรงแรมขึ้นรถเป็นระยะทางกว่า 1,000 กม. ซึ่งเขาก็ถามให้แน่ใจว่าขณะนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ ซึ่งคำตอบก็คือเป็นวันเดียวกับที่นักธุรกิจผู้นี้ได้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม และที่สำคัญมันผ่านมาแค่ 5 นาทีเท่านั้น เรื่องราวนี้ทำให้ทั้งเจ้าตัวและคนขับรถบรรทุกงุนงงเป็นอย่างมาก
เขาจึงขอร้องให้คนขับรถบรรทุกพาเขาไปหาตำรวจ ซึ่งเมื่อเล่าให้ตำรวจฟังแล้วตำรวจต้องถามซ้ำถึงสามรอบถึงจะยอมให้ความช่วยเหลือเพราะเรื่องราวมันฟังดูเหลือเชื่อเกินไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังตำรวจในเมือง Bahia Blanca ให้ไปตรวจเช็คที่โรงแรมดังกล่าว ซึ่งเมื่อไปถึงที่โรงแรมก็พบว่ารถของนักธุรกิจผู้นี้จอดอยู่ที่จอดรถของโรงแรมจริงๆ และที่สำคัญคือมันติดเครื่องอยู่ เพื่อความแน่ใจ ตำรวจจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่โรงแรมไปสอบถามกับพนักงาน ก็พบว่านักธุรกิจผู้นี้เพิ่งเช็คเอาท์ไปไม่ถึงชั่วโมงจริงๆ ทำเอาทั้งตัวนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้เรื่องต่างงงเป็นแถบว่าเหตุใดคนที่อยู่อีกฟากของประเทศถึงได้มาโผล่ที่จุดนี้โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น

เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีนักทฤษฎีสมคบคิดแนวๆ เรื่องเหนือธรรมชาติออกมาให้คำอธิบายว่าอาจจะเป็นเพราะการบิดของห้วงเวลาที่ “บังเอิญ” เชื่อมต่อกับสวิตช์ภายในรถ ทำให้เมื่อบิดกุญแจเพื่อติดเครื่อง เป็นการเริ่มให้วงจรห้วงเวลาทำงานจนส่งนักธุรกิจผู้นี้ไปอีกฟากของประเทศในพริบตา หรืออาจจะเป็นการทดลองเครื่องย้ายมวลสารของนักประดิษฐ์ลึกลับหรือมนุษย์ต่างดาวที่นำมาทดลองกับมนุษย์ก็เป็นได้