ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

เปิดแผนOperation Goldปฏิบัติการลับของสหรัฐฯ และอังกฤษ ดักฟังโทรศัพท์ของโซเวียต

🌚เปิดแผน ‘Operation Gold’ ปฏิบัติการลับของสหรัฐฯ และอังกฤษ ที่ลอบขุดอุโมงค์เพื่อดักฟังโทรศัพท์ของโซเวียต
ค้นหา
Custom Search

อีกหนึ่งปฏิบัติการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดครั้งหนึ่งของหน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ และอังกฤษในช่วงสงครามเย็น เมื่อทั้งสองชาติร่วมมือกันเปิดแผนการในการลักลอบดังฟังโทรศัพท์ของฝ่ายโซเวียตอย่างลับๆ ระหว่างความขัดแย้งในช่วงสงครามเย็น

Operation Gold หรือ รู้จักกันในชื่ออุโมงค์เบอร์ลิน เป็นการร่วมมือกันของหน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ ซีไอเอ และ เอสเอเอส หน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาประสบความสำเร็จใน “Operation Silver” ที่กรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย เป็นแผนการลักลอบดังฟังสายโทรศัพทของโซเวียตที่อยู่ในเวียนนาซึ่งส่งตรงไปยังกรุงมอสโกในสหภาพโซเวียต ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ทำให้สายลับอังกฤษทราบข้อมูลสำคัญและคำสั่งโดยตรงจากมอสโกได้เกือบทั้งหมดตั้งแต่ปี 1948-1952

กองทัพสหรัฐฯ เห็นว่าแผนนี้ประสบความสำเร็จจึงจับมือกับรัฐบาลอังกฤษเพื่อทำแบบเดียวกัน แต่ครั้งนี้จะต้องทำในกรุงเบอร์ลินตะวันออก ซึ่งหลังจากนาซีเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โซเวียตได้รับดินแดนเยอรมันตะวันออกมาไว้ในครอบครอง ส่วนเบอร์ลินตะวันตกถูกดูแลโดย อังกฤษ สหรัฐฯ และฝรั่งเศส

ในปี 1953 ซีไอเอและเอสเอเอสร่วมมือกันเปิด Operation Gold พวกเขาเลือกที่จะเก็บความลับนี้เอาไว้และรู้เพียงคนที่จำเป็นเท่านั้น ฉากบังหน้าคือคลังเก็บสินค้าใต้ดินที่ลึกกว่า 7 เมตร ปฏิบัติการนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 1 ปีเต็ม อุโมงค์มีความยาวกว่า 450 เมตร เพื่อไปยังจุดชุมสายโทรศัพท์ใต้ดินของกรุงเบอร์ลินพร้อมด้วยอุปกรณ์ดักฟัง และเครื่องมือต่างๆ อีกจำนวนมาก สูญเงินไปกว่า 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

แต่มันก็ทำให้ซีไอเอและเอสเอเอส สามารถดักฟังข้อมูลของโซเวียตเป็นเทปเสียงถึง 50,000 ม้วนเลยทีเดียว ก่อนนำข้อมูลส่งกลับไปยังกรุงลอนดอนเพื่อถอดความหมาย

จนกระทั่งในปี 1956 เกิดฝนตกหนักมากปริมาณน้ำฝนได้ท่วมกรุงเบอร์ลิน น้ำท่วมขังเผยให้เห็นร่องรอยของสายไฟใต้ดิน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงชาวโซเวียตพบร่องรอยของอุโมงค์ลับนี้เข้า และได้บุกเข้าไปปิดอุโมงค์ลับนี้ลง
ในช่วงเวลานั้นโซเวียตออกแถลงการประณามการกระทำของสหรัฐฯ ว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ...

แต่โชคยังดีที่ทางโซเวียตเองก็ไม่ได้นำหลักฐานเหล่านี้มาเพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศสงครามกับสหรัฐฯ เพราะช่วงเดียวกันนั้นโซเวียตกำลังเจรจาเป็นพันธมิตรอยู่กับอังกฤษพอดิบพอดี ไม่งั้นสงครามนิวเคลียร์อาจเกิดขึ้นก็เป็นได้

Bagel House อาคารทรงแปลกอายุเกือบ 50 ปี ในกรุงมอสโก

🏢Bagel House อาคารทรงแปลกอายุเกือบ 50 ปี ในกรุงมอสโก

ค้นหา
Custom Search
อาคารแปลก Bagel House ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เป็นอาคารอายุเกือบ 50 ปี ออกแบบโดย Evgeny Stamo กับ Alexander Markelov สถาปนิกและวิศวกรชาวรัสเซีย โดยอาคารดังกล่าวได้เริ่มก่อสร้างในช่วงปี 1970 และเสร็จภายในปี 1972

นอกจากรูปทรงอาคารแบบวงแหวนขนาดรัศมีกว่า 150 เมตร ที่มีต้นแบบมาจากขนมปัง Bagel แล้ว ในส่วนตรงกลางนั้นยังเต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวกับสนามเด็กเล่นอีกด้วย และนี่คือโฉมหน้าของอาคารดังกล่าว ...

อาคารนี้ถูกใช้เป็นที่พักอาศัย ซึ่งภายในนั้นประกอบไปด้วยห้องพักมากถึง 913 ห้อง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านซักรีด ร้านค้า ร้านขายยา รวมถึงที่ทำการไปรษณีย์

เมื่อปี 1980 ขณะที่สหภาพโซเวียตได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ทางการได้มีการสร้างอาคารรูปทรงคล้ายๆ กันนี้เพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันโอลิมปิก แต่เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตที่กำลังตกต่ำอยู่ในขณะนั้น จึงมีเพียงแค่อาคารเดียวเท่านั้นที่สร้างเสร็จ

อาคารที่สร้างเพิ่มขึ้นมานั้นตั้งห่างจากกันมากจนทำให้มันดูไม่เหมือนสัญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิกเลยแม้แต่น้อย แต่อย่างไรก็ตามยังมีการเปิดใช้อาคารทั้ง 2 แห่งนี้เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยอยู่ในปัจจุบัน

อาคารแต่ละแห่งนั้นมีความสูงมากถึง 9 ชั้น และมีทางเข้ามากกว่า 20 ทาง ด้วยความที่มีทางเข้าออกที่มากมายขนาดนี้ทำให้หลายๆ คนมักเกิดความสับสน 

พวกเขาจึงมักจะเรียกอาคารทั้งสองแห่งนี้ว่า ‘Bagel House’ นั่นเอง ซึ่งถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสไปเที่ยวมอสโก ก็ลองไปเที่ยวชมอาคารที่ว่านี้กันได้นะจ๊ะ
Bagel House
Bagel House

Donnie Deckerชายต้องคำสาปที่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน จะเกิดฝนตกหนักไปทุกที่

😠เขามากับฝน! ‘Donnie Decker’ ชายต้องคำสาปที่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน จะเกิดฝนตกหนักไปทุกที่
ค้นหา
Custom Search

เราอาจคุ้นเคยกับยอดมนุษย์และผู้ที่มีพลังพิเศษควบคุมลมฟ้าอากาศได้ในซีรีส์และในภาพยนตร์ชื่อดังเท่านั้น แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นจริงมาแล้วเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับชายหนุ่มที่มีชื่อว่า Donnie Decker เขาคือชายหนุ่มที่เพิ่งจะสูญเสียคุณปู่อันเป็นที่รักของครอบครัวไปได้เพียงไม่กี่วัน

โดยในช่วงค่ำวันหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ปี 1983 Donnie Decker อ้างว่าได้เห็นดวงวิญญาณของคุณปู่กำลังวนเวียนอยู่ภายในบ้าน

ด้วยความตกใจกลัวจนถึงขีดสุดเขาจึงร้องตะโกนลั่นบ้าน และดูเหมือนสิ่งที่ Donnie Decker กล่าวอ้างจะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันแต่อย่างใด เพราะทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ และรอยขีดข่วนเป็นจำนวนมาก สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความตกอกตกใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก และเพื่อป้องกันไม่ให้ Donnie Decker คลุ้มคลั่งจากความกลัวไปมากกว่าเดิม ครอบครัวของ Donnie Decker จึงได้พาเขาลงมา
ที่ชั้นล่าง เนื่องจากในเวลานั้นเจ้าตัวอ้างว่าเห็นคุณปู่อยู่ในห้องตลอดเวลา

แต่ใช่ว่าเหตุการณ์จะจบลงง่ายๆ เพราะเมื่อลงมาที่ชั้นล่างก็ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ Donnie Decker ไม่ได้เห็นวิญญาณของปู่อีกต่อไป แต่ดันเกิดฝนตกหนักขึ้นภายในบ้าน อีกทั้งยังมีหมอกหนาปกคลุมอยู่เต็มบ้านไปหมด

ด้วยความกลัวทุกคนจึงหนีออกจากบ้าน แต่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดฝนก็ยังคงตกหนัก และดูเหมือนฝนจะตกก็ต่อเมื่อทุกคนอยู่ใกล้กับ Donnie Decker เท่านั้นอีกด้วย ในตอนแรก Donnie Decker ไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นความจริง เขาจึงใช้ความพยายามพิสูจน์มันหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็ค้นพบว่าตัวเองสามารถควบคุมการตกและการหยุดของฝนได้

ซึ่งกว่าที่เจ้าตัวจะเรียนรู้วิธีควบคุมฝนได้ก็เล่นเอาคนอื่นเดือดร้อนไปยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านอาหาร จนเจ้าของร้านต้องไล่เขาและเพื่อนๆออกจากร้าน พร้อมกับติดป้ายประกาศห้าม Donnie Decker เข้าร้านอาหารอีกต่อไป

เนื่องจากทำฝ้าของร้านอาหารพัง หรืออีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นภายในเรือนจำขณะที่ Donnie Decker ถูกศาลตัดสินจำคุก เพราะทันทีที่ Donnie Decker ย้ายเข้ามาในเรือนจำก็ได้เกิดฝนตกอย่างหนัก จนทำให้ทั้งเรือนจำเฉอะแฉะเนื่องจากฝนตกหนักจนถึงขั้นหลังคารั่ว 

ในตอนแรกทางเรือนจำไม่ทราบว่า Donnie Decker คือต้นเหตุจึงได้เชิญหมอผีมาทำพิธีขับไล่วิญญาณ ก่อนเจ้าตัวจะออกมายอมรับในภายหลังว่าเขาคือต้นเหตุ เล่นเอาคนทั้งเรือนจำโกรธเคืองกันยกใหญ่เลยทีเดียว
ปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่า Donnie Decker ใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนหลังจากได้รับการปล่อยตัว ทั้งนี้ความสามารถพิเศษในการควบคุมฝนของเขา ไม่ได้มีแค่ญาติพี่น้องครอบครัวและคนสนิท ยืนยันเหตุหารณ์ที่เกิดขึ้น 

แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ,เจ้าหน้าที่เรือนจำ ที่เคยทำหน้าที่ควบคุมตัว Donnie Decker ก็ต่างยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความจริงทั้งสิ้น

พบฟอสซิลกลิปโตดอนGlyptodons อายุ 20,000 ปี หลายตัว ที่สมบูรณ์และชัดเจนสุด ๆ

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2020 “ฮวน เด ดิโอส โซต้า” (Juan de Dios Sota) ชาวนาชาวอาร์เจนตินา พบฟอสซิลขนาดยักษ์ของ “กลิปโตดอน” (Glyptodons) จำนวน 4 ตัว อายุ 20,000 ปี สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เป็นบรรรพบุรุษของตัวอาร์มาดิลโลในปัจจุบัน โดยตัวที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่ารถเต่าของ Volkswagen เลยทีเดียว

พวกมันถูกพบอยู่ในแม่น้ำบายีมังก้า (Vallimanca) ที่แห้งแล้งในเมืองหลวง Buenos Aires ของอาร์เจนตินา (อ่านว่า บูเอโนส-ไอเรส) ซึ่งตอนแรกพบเพียง 2 ตัว แต่เมื่อนักโบราณคดีมาสำรวจเพิ่มเติมจึงพบอีก 2 ตัวที่อยู่ลึกลงไปไม่มากนัก

ปาโบล เมสซีนีโอ นักโบราณคดีจากสถาบันวิจัยโบราณคดีและบรรพชีวินวิทยาของ Pampa Quaternary ระบุว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่มีฟอสซิลของสัตว์ชนิดนี้อยู่รวมกันถึง 4 ตัว โดยแบ่งเป็นกลิปโตดอนที่โตเต็มวัย 2 ตัวและกลิปโตดอนเด็กอีก 2 ตัว ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกพอสมควร เพราะปกติพวกมันจะไม่อยู่รวมกลุ่มกัน”
การค้นพบนี้ยังคงต้องศึกษาต่อไป เพื่อระบุเพศ อายุ และสาเหตุการตาย แต่ปาโบล สันนิษฐานว่า พวกมันอาจเป็นครอบครัวกลิปโตดอน ที่พ่อแม่กำลังนำทางลูก ๆ เนื่องจากฟอสซิลทั้ง 4 ตัวหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ราวกับว่ากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2015 โคเซ่ อันโตนิโอ เนียบาส (Jose Antonio Nievas) พบเปลือกของกลิปโตดอน ยาวประมาณ 90 เซนติเมตร ในสภาพสมบูรณ์ ใกล้กับริมฝั่งแม่น้ำของอาร์เจนตินาเช่นเดียวกัน ซึ่งเขาได้ถ่ายภาพและถูกแชร์จนเป็นไวรัล เพราะผู้คนต่างเข้าใจผิดว่า “นี่คือไข่ไดโนเสาร์” ก่อนจะได้รับการยืนยันจากนักวิจัยของ Natural History Museum ว่านั่นมันคือเปลือกของเจ้ากลิปโตดอน ไม่ใช่ไข่ไดโนเสาร์แต่อย่างใด
👉ภาพที่ถูกเข้าใจผิดว่านี่คือไข่ไดโนเสาร์
กลิปโตดอนอาศัยอยู่บนโลกตั้งแต่เมื่อราว 20 ล้านปีก่อน ณ ทวีปอเมริกาใต้ และแพร่กระจายไปยังทางตอนใต้ของอเมริกาเหนือ ช่วงยุค Pleistocene(ไพลส-โตซีน) โดยพวกมันเป็นสัตว์กินพืชที่มีนิสัยค่อนข้างอ่อนโยน เปลือกของกลิปโตดอนมีขนาดประมาณ 150 เซนติเมตร และหนา 2 นิ้ว วิธีป้องกันตัวคือใช้หางเป็นอาวุธป้องกันตัว เนื่องจากมีขนาดใหญ่และมีตุ่มแหลมขึ้นโดยรอบ

ทั้งนี้ พวกมันสูญพันธ์ุไปเมื่อ 10,000 ปีก่อน (ในช่วงท้ายของยุคน้ำแข็ง) ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการสูญพันธ์ุนี้ แต่นักบรรพชีวินสันนิษฐานว่า พวกมันอาจถูกล่าจากมนุษย์ยุคแรกเพื่อนำกระดองมาทำที่พักอาศัย

🐸 – ตัวอาร์มาดิลโล (Armadillo) และตัวนิ่ม (Pangolin) แม้จะมีหน้าตาคล้ายคลึงกัน แต่มันเป็นสัตว์คนละชนิดและไม่ได้มีความใกล้ชิดกันแม้แต่ทางพันธุกรรมด้วย เพราะพวกมันเกิดคนละทวีป (อาร์มาดิลโลเกิดที่อเมริกาใต้และอเมริกาเหนือ ส่วนตัวนิ่มเกิดที่แอฟริกาและเอเชีย) แถมยังมีโครงสร้างทางร่างกายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

โดยตัวอาร์มาดิลโลมีฟันแต่ตัวนิ่มไม่มีฟัน และเกราะบนหลังของอมาดิลโล่เป็นอวัยวะที่พัฒนามาจากกระดูกสันหลัง แต่เกราะของตัวนิ่มเป็นเกล็ดแข็งที่พัฒนามาจากขน

ตะลึง ขุดพบศพ มัมมี่ใส่รองเท้า อาดิดาส

👹ตะลึง ขุดพบศพ “มัมมี่” 
ใส่รองเท้า “อาดิดาส”
ค้นหา
Custom Search
นักโบราณคดีจาก มองโกเลีย ได้ทำการสำรวจและขุดซากวัตถุโบราณต่างๆ ในพื้นที่ของประเทศตัวเอง ก่อนจะเจอเรื่องราวชวนทึ่งเมื่อมีการขุดพบซากศพมัมมี่ของหญิงสาวคนหนึ่ง ร่างกายไม่เน่าเปื่อย แต่ที่เด็ดยิ่งกว่าคือมัมมี่ตนนี้ใส่รองเท้าที่ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับรองเท้าของ “อาดิดาส” แบรนด์กีฬาชื่อก้องโลกจาก เยอรมนี
ร่างของหญิงสาวคนดังกล่าวถูกฝัง
อยู่ที่เทือกเขาอัลไต ประเทศมองโกเลีย ทีมนักโบราณคดีได้ทำการสำรวจขุดขึ้นมา บริเวณศีรษะถูกทุบด้วยของแข็งโดยคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิต คาดการณ์ว่าเธอน่าจะมีอายุประมาณ 30 - 40 ปี โดนถูกฝังมานานกว่า 1,100 ปี ซึ่งสภาพก็ยังไม่เน่าเปื่อย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะศพถูกฝังลงไปลึกราว 3 เมตร ในอากาศค่อนข้างเย็น
        
แต่ที่น่าสนใจคือ รองเท้าที่เธอสวมใส่นั้นมีลวดลาย 3 แถบ คล้ายคลึงกับรองเท้าของ อาดิดาส แบรนด์กีฬาชื่อดังที่นักกีฬาหลายคนใช้สวมใส่อยู่ 
จนเป็นที่ฮือฮาของหมู่นักโบราณคดี และเชิญชวนให้สำรวจกันต่อว่าผู้คนสมัยนั้นมีขนบธรรมเนียม และความนิยมในเรื่องแฟชั่นการแต่งตัวอย่างไรบ้าง

อาคารลึกลับรูปทรงประหลาดชวนพิศวง ที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรแอตแลนติก

🏢อาคารรูปทรงประหลาดชวนพิศวง ที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรแอตแลนติก
ในอดีตฝรั่งเศสเป็นอีกประเทศที่ออกล่าอาณานิคมไปทั่วโลก และแน่นอนว่าในช่วงนั้นก็มีการทำสงครามกับฝั่งอังกฤษด้วยเช่นกัน แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทหารอังกฤษบุกเข้าโจมตีจาก 2 ฝั่ง สถาปนิกชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งเชื่อว่านี่เป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ผลงานของตัวเอง เขาจึงบรรจงสร้างตึกรูปทรงประหลาดนี้ขึ้นมา
ค้นหา
Custom Search
ณ มหาสมุทร Ile d’Aix  และ Ile d’Oléron ที่ประเทศฝรั่งเศส คุณจะได้เห็นตึกรูปร่างประหลาดหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ตึกอาคาร แต่มันถูกสร้างมาเพื่อเป็นเกาะกลางทะเลที่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของ Fort Boyard และสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการสำหรับป้องกันเมือง Charente กับอ่าว Rochefort ในช่วงศตวรรษที่ 17
จุดประสงค์แรกสุดที่สร้างมันขึ้นมาก็เพื่อใช้เป็นฐานทัพกองกำลังแห่งฝรั่งเศสภายใต้การปกครองของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 
โดยโปรเจกต์นี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1662 และด้วยวิทยาการอะไรต่างๆ ที่ยังไม่ทันสมัย จึงทำให้โครงการสร้างไม่สำเร็จเพราะค่าใช้จ่ายสูงเกินไป
แต่ก็ใช่ว่ามันจะถูกทิ้งร้างไว้อย่างน่าเสียดาย เพราะครั้งหนึ่ง Vauban ผู้เปรียบเสมือนบิดาแห่งสถาปนิก เคยออกมากล่าวว่าสิ่งก่อสร้างดังกล่าวใกล้เคียงกับคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ สูงมาก ถึงแม้ว่ามันจะถูกสร้างมาอย่างลวกๆ แต่มันก็ถูกใช้งานมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ทำสงครามกับอังกฤษ จนกระทั่งในปี 1801 ซึ่งเป็นยุคการปกครองของนโปเลียน จึงได้สั่งให้มีการบูรณะสถานที่แห่งนี้ใหม่อีกครั้ง

ทว่ายังไม่ทันได้สร้างเสร็จดี โครงการก็ถูกล้มเลิกไป จนต่อมาในปี 1830 พระเจ้าหลุยส์ฟิลิปจึงได้สั่งสร้างสถานที่แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง ในช่วงนั้นคนงานก่อสร้างต้องมารวมกันอาศัยอยู่ที่ Ile d’Oléron และมันก็นำมาซึ่งวิถีชีวิตของคนในชุมชน จนเริ่มขยับขยายไปเรื่อยๆ และกลายเป็นท่าเรือขนส่งในที่สุด ซึ่งสถานที่แห่งนี้สร้างเสร็จในปี 1858 หลังก่อสร้างเสร็จสถานที่แห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นโกดังสำหรับเก็บอาหาร รวมถึงอาวุธทหารต่างๆ อีกทั้งยังสามารถจุคนได้มากถึง 250 คน
แต่เมื่อยุคสมัยผ่านไปจุดประสงค์ที่ถูกใช้งานก็เปลี่ยนตาม เมื่อปี 1990 สถานที่แห่งนี้ก็ถูกปลุกให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจากรายการเรียลลิตี้ทีวีโชว์ Les Adventures ซึ่งเป็นรายการที่จะพาผู้เข้าแข่งขันไปเอาชีวิตรอดบนเกาะแห่งนี้ แม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นประวัติแบบคร่าวๆ ของสถานที่ 
Vauban
ทว่าจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในละแวกนั้นว่ากันว่า จากผู้เสียชีวิตจำนวนมากในช่วงสงครามโลก ทำให้ทุกวันนี้ยังมีคนเห็นผู้ชายใส่ชุดทหารเหมือนในอดีตเดินตรวจการณ์สถานที่แห่งนี้อยู่ และถ้ามองดูจากสภาพของมันแล้วก็แอบหลอนอยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะ ว่ามั้ย?

เหตุการณ์ปริศนาเมื่อนักธุรกิจหนุ่มสตาร์ทรถและสลบไป รู้สึกตัวอีกทีโผล่ไปอยู่อีกฟากของประเทศ

😱เหตุการณ์ปริศนา! เมื่อนักธุรกิจหนุ่มสตาร์ทรถและสลบไป รู้สึกตัวอีกทีโผล่ไปอยู่อีกฟากของประเทศในเวลาไม่ถึง 5 นาที
ค้นหา
Custom Search
ในเมือง Bahia Blanca เมืองหนึ่งในบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ผู้หนึ่งกำลังเดินไปขึ้นรถหลังจากที่เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพื่อกลับบ้านที่อยู่ห่างไปประมาณ 300 กม. ในตอนเช้ามืด หลังจากเก็บของใส่รถเรียบร้อยเขาก็ทำการสตาร์ทรถและทันใดนั้นจู่ๆ ก็เกิดหมอกหนาที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดได้มาห่อหุ้มรถเขาไว้ ซึ่งเขารู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากเพราะหมอกที่ว่านี้มันบดบังทัศนวิสัยทั้งหมดของเขาจนมองไม่เห็นสิ่งใดๆ นอกรถ

ความกลัวพุ่งเข้ามาในสมอง ความคิดตอนนั้น เขาเริ่มคิดว่าตนเองอาจจะเสียชีวิตแบบกะทันหันและหมอกนี้เหมือนกับพาเขามายังโลกหลังความตาย และสติของ Bahia ก็ดับวูบลง Bahia รู้สึกตัวอีกทีว่าเขาอยู่ริมถนนใหญ่เนื่องจากเสียงรถบรรทุกที่วิ่งผ่านไปได้ปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาเห็นนั้นคือแสงไฟจากรถที่กำลังวิ่งมาพร้อมกับพระอาทิตย์กำลังขึ้นช้าๆ Bahia มองนาฬิกาก็พบว่าเขาหมดสติไปเพียงแค่ 5 นาทีเพียงเท่านั้น เมื่อตั้งสติได้เขาก็หันมองรอบตัวและพบว่าเขานอนอยู่ริมถนนในที่ที่ไม่คุ้นตาเลยแม้แต่น้อย

คนขับรถบรรทุกเดินลงจากรถมาหาเขาพร้อมกับถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม ซึ่งเขาก็ถามไปว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน คำตอบจากคนขับก็ทำให้เขางงอย่างที่สุดเพราะตอนนี้เขาอยู่ที่จังหวัดที่อยู่ไกลจากโรงแรมขึ้นรถเป็นระยะทางกว่า 1,000 กม. ซึ่งเขาก็ถามให้แน่ใจว่าขณะนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ ซึ่งคำตอบก็คือเป็นวันเดียวกับที่นักธุรกิจผู้นี้ได้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม และที่สำคัญมันผ่านมาแค่ 5 นาทีเท่านั้น เรื่องราวนี้ทำให้ทั้งเจ้าตัวและคนขับรถบรรทุกงุนงงเป็นอย่างมาก
เขาจึงขอร้องให้คนขับรถบรรทุกพาเขาไปหาตำรวจ ซึ่งเมื่อเล่าให้ตำรวจฟังแล้วตำรวจต้องถามซ้ำถึงสามรอบถึงจะยอมให้ความช่วยเหลือเพราะเรื่องราวมันฟังดูเหลือเชื่อเกินไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังตำรวจในเมือง Bahia Blanca ให้ไปตรวจเช็คที่โรงแรมดังกล่าว ซึ่งเมื่อไปถึงที่โรงแรมก็พบว่ารถของนักธุรกิจผู้นี้จอดอยู่ที่จอดรถของโรงแรมจริงๆ และที่สำคัญคือมันติดเครื่องอยู่ เพื่อความแน่ใจ ตำรวจจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่โรงแรมไปสอบถามกับพนักงาน ก็พบว่านักธุรกิจผู้นี้เพิ่งเช็คเอาท์ไปไม่ถึงชั่วโมงจริงๆ ทำเอาทั้งตัวนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้เรื่องต่างงงเป็นแถบว่าเหตุใดคนที่อยู่อีกฟากของประเทศถึงได้มาโผล่ที่จุดนี้โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น

เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีนักทฤษฎีสมคบคิดแนวๆ เรื่องเหนือธรรมชาติออกมาให้คำอธิบายว่าอาจจะเป็นเพราะการบิดของห้วงเวลาที่ “บังเอิญ” เชื่อมต่อกับสวิตช์ภายในรถ ทำให้เมื่อบิดกุญแจเพื่อติดเครื่อง เป็นการเริ่มให้วงจรห้วงเวลาทำงานจนส่งนักธุรกิจผู้นี้ไปอีกฟากของประเทศในพริบตา หรืออาจจะเป็นการทดลองเครื่องย้ายมวลสารของนักประดิษฐ์ลึกลับหรือมนุษย์ต่างดาวที่นำมาทดลองกับมนุษย์ก็เป็นได้

ทำอย่างไรให้อยู่อย่างมีความสุข

ค้นหา
Custom Search

ความสุขที่แท้จริง ความสุข เป็นยอดปรารถนาของมนุษย์ที่สามารถแสวงหาได้ ซึ่งแนวทางในการทำตัวให้มีความสุข มีดังต่อไปนี้  

 1. การรักษาสุขภาพทางกายให้แข็งแรง
สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตมีอิทธิพลต่อกันและกัน คนที่มีสุขภาพกายดีย่อมส่งผลให้มีจิตใจร่าเริงเข้มแข็ง การทำให้สุขภาพแข็งแรง ได้แก่การรับประทานอาหารถูกส่วน การพักผ่อนเพียงพอ การรักษาความสะอาดของร่างกาย ตลอดจนการออกกำลังกายอย่างพอเพียง

2. มีความสุขกับการทำงาน
การเลือกทำงานที่ชอบหรือการสร้างความพึงพอใจในงานที่ทำ หาวิธีการทำงานให้มีความสุข พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายหลายอย่างภายในขอบเขตที่สังคมยอมรับ ตามความสามารถของตนเอง และมองเห็นหนทางไปสู่ความสำเร็จได้ แล้วลงมือปฏิบัติอย่างตั้งใจก็ย่อมจะเกิดความสุข เกิดความปิติจากความสำเร็จในงานตามมา 

3. รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง
ควรได้สำรวจตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร ต้องยอมรับว่าคนเรามีทั้ง ส่วนดีและส่วนเสีย เราต้องมองหาส่วนดี เห็นคุณค่า ชื่นชม พยายามพัฒนาส่วนดี พร้อมทั้งยอมรับในข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แล้วหาแนวทางปรับปรุงแก้ไข คนที่มีความสุขนั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่เคยพบอุปสรรค ข้อขัดแย้งในใจ หรือไม่เคยพบปัญหา แต่อาจจะเป็นคนที่บางครั้งแก้ปัญหาไม่ได้ จึงต้องใช้ความพยายาม ความอดทน ก็จะสามารถเผชิญปัญหาไปได้ 

4. มีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดี
ควรมองหาความสุข ความเพลิดเพลิน เพื่อช่วยลดความตึงเครียดต่างๆ ทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย การหัวเราะทำให้จิตใจเบิกบาน มีการกระเพื่อมของหน้าท้อง หัวใจปอดได้ออกกำลัง มีผลถึงกล้ามเนื้อหัวไหล่ แขน หลัง กระบังลม และขา เกิดความพึงพอใจในความสุข นอกจากนี้ไม่ควร มองโลกในแง่ร้าย เวลาจะทำอะไรต้องหาจุดดีของเรื่องนั้นให้พบ เมื่อพบแล้วทำความพอใจและชื่นชม ก็จะเกิดแต่ความดีงาม 

5. ไม่ควรเก็บอารมณ์ขุ่นมัว
การเก็บกดอารมณ์ทำให้เกิดความ ขุ่นมัว สับสน วุ่นวายใจ เป็นการก่อให้เกิดความตึงเครียด ทางอารมณ์ ผลทำให้สีหน้าหม่นหมอง น่าเกลียด ขากรรไกรประกบกันแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย เหี่ยวย่น ผมสีเทา-ขาว ผมร่วง โรคผื่นคัน พุพอง และสิวตามมา เราควรต้องหาทางระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว โดยการแสดงออกในทางที่สังคมยอมรับและได้ตอบสนองตามความต้องการของเรา แต่ถ้าพบความยุ่งยากใจเพิ่มขึ้น ก็ควรหาวิธีหลีกเลี่ยงเสียก่อน เนื่องจากธรรมชาติของมนุษย์จะเผชิญความตึงเครียดทางอารมณ์ได้ถึง ขีดหนึ่งเท่านั้น จากนั้นต้องหาทางผ่อนคลาย ดังคำกลอนที่ว่า
👉เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง
วุ่นก็ให้ว่าง ทุกอย่างก็สบาย

6. ควรมีงานอดิเรกและการพักผ่อนหย่อนใจ
ควรหาอะไรที่ชอบและพอใจทำ ทำในเวลาว่างที่เหลือจากกิจวัตรประจำวัน การทำอะไรในสิ่งที่พึงพอใจย่อมเกิดความสุขเพลิดเพลิน ทำให้ไม่มีเวลาว่าง ที่จะคิดกังวลเรื่องต่างๆ เป็นการฝึกการใช้เวลาว่างนั้นๆให้มีสมาธิในการทำสิ่งที่พอใจ ซึ่งจิตมีสมาธิจะเป็นจิตที่เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวง่าย พบว่า งานอดิเรกที่เกี่ยวกับกีฬาจะช่วยให้มีความสุข สนุกสนาน ร่าเริง แจ่มใส นอกจากนั้นการได้ท่องเที่ยวไปกับธรรมชาติที่กว้างใหญ่ เช่น ท้องฟ้า ทะเล ป่าเขาลำเนาไพร จะก่อให้เกิดความปลอดโปร่ง สดชื่น มีความสุข และถ้าต้องการทำจิตให้เป็นสมาธิในทางศาสนาจะก่อให้เกิดความสงบสุขทางใจเป็นอย่างมาก 

7. หาสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ
แต่ละชีวิตย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป เราจึงควรหาเพื่อนหรือใครสักคนที่สามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขได้ ค้นหาคนที่คุณรักและเขารักคุณ ช่วยเหลือเกื้อกูล ปลอบขวัญ บำรุงจิตใจซึ่งกันและกัน สามารถที่จะระบายทุกข์ ปรึกษาขอความคิดเห็น การแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือในที่สุดอาจจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแนะแนวและการ บำบัดทางจิตโดยเฉพาะ ทั้งนี้ขึ้นกับปัญหาความซับซ้อน ซึ่งนับเป็นวิธีการแก้ปัญหาการปรับตัวตั้งแต่ต้นที่ชาญฉลาด 

 8. พร้อมที่จะเผชิญปัญหาและความกังวลใจ
เมื่อพบอุปสรรค พึงพิจารณาปัญหาอย่างใช้เหตุและผล โดยค้นหาข้อเท็จจริง มองปัญหานั้นๆและหาวิธีการต่างๆในการแก้ปัญหา ทำการตัดสินใจ แล้วปฏิบัติตามที่ได้ตัดสินใจไว้ หรือถ้าปัญหารุมเร้ามากจนต้องการหลีกให้พ้น 

“จงใช้ชีวิต อยู่เพื่อวันนี้เท่านั้น” 
ดังคำสอนของ
ท่านพุทธทาสภิกขุว่า
สิ่งล่วงแล้ว แล้วไป อย่าใฝ่หา
ที่ไม่มา ก็อย่าพึง คนึงหวัง
อันวันวาน ผ่านพ้น ไม่วนวัง
วันข้างหน้า หรือก็ยัง ไม่มาเลย 

หรือถ้าปัญหาต้อนท่านไปจนมุม ให้มองพิจารณาดูผลร้ายที่เกิดขึ้นแล้วทำใจให้ยินดีเผชิญกับสิ่งนั้นๆ เมื่อเวลาผ่านไปให้พิจารณาว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ทำลายความสุขแห่งชีวิตมามาก เพียงพอแล้ว แล้วหันกลับใช้เหตุผลในการพิจารณาแก้ไขสิ่งร้ายๆให้กลายเป็นดีด้วยใจสุขุมเยือกเย็น ท่านก็จะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ 
 9. ใช้เวลาเป็นยารักษาความเจ็บปวด
เมื่อพบกับความผิดหวังจงใช้เวลาเป็นเครื่องช่วยเยียวยา เมื่อพลาดหวังแล้วจงอดทน และมีความหวังต่อไป ความหวังเป็นพลังหรือแรงจูงใจ เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต เมื่อประสบความผิดหวัง ไม่ควรใช้วิธีถอยหนีหรือเลี่ยงปัญหา ควรคิดเสมอว่า “ท้อแท้-หงอย ท้อถอย-แพ้” เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ไม่ควรแก้ปัญหาโดยใช้สิ่งเสพย์ติด เช่นสุรา หรือยาบางชนิด เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ลืมความทุกข์ ได้เพียงชั่วขณะ ไม่ทำให้เราพิจารณาใช้ความคิดในการแก้ปัญหา เป็นการหลีกหนีปัญหาที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง 

 10. ค้นหาเป้าหมายของชีวิต
การคิดฝันไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความคิดฝันที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ซึ่งความคิดฝันจะทำให้เรามีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีแรงจูงใจ มีการตั้งเป้าหมายในชีวิตใกล้เคียง กับความสามารถที่แท้จริงและสอดคล้อง กับความเชื่อและอุดมคติ แล้วทำการลงมือปฏิบัติเพื่อไปสู่ เป้าหมาย ถ้าทำเช่นนี้ได้เราก็จะประสบความสำเร็จและความสมหวัง เกิดความสุขทางใจได้ 
จากสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นการเสนอแนวทางในการปฏิบัติอย่างกว้างๆการทำตัวให้มีความสุขได้เพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ ต้องอาศัยการเรียนรู้ และหาวิธีการ แล้วนำไปดัดแปลง ปรับปรุงให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการของผู้ต้องการแสวงหาความสุขนั่นเอง
 
ในท้ายที่สุดขอฝาก
อันทุกข์สุขอยู่ที่ใจ มิใช่หรือ ใจเราถือเป็นทุกข์ไม่สุกใส
ใจไม่ถือเป็นสุขไม่ทุกข์ใจ เราอยากได้ความทุกข์หรือสุขนา

เหตุใด ทำไมผู้ชายบางคนถึงไม่มีแฟน


ค้นหา
Custom Search
👩‍⚖สาวๆบางคนหรือหลายๆคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมผู้ชายบางคนถึงไม่มีแฟน มีบทความดีๆนำเสนอ

สาวๆหลายคนคงเคยเกิดคำถามกับชายหนุ่มบางคนที่ทั้งหล่อ นิสัยดี รูปร่างดีแต่ไม่มีแฟน ว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ทั้งที่ก็เพอร์เฟคขนาดนี้ เอ๊ะ! หรือเขาจะเป็นเกย์ รักชอบเพศเดียวกัน 

บางทีอาจจะเป็นอย่างที่สาวหลายคนสงสัยก็ได้ ถ้าหากเขาเป็นชายทั้งแท่ง ไม่ได้รักชอบหมายป่าเดียวกันมันก็ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขายังไม่อยากมีแฟน
1. เขาอาจจะมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ บางคนเขาอาจจะรู้สึกว่าชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้เพียงพอแล้ว มีพ่อแม่ มีเพื่อน มีงาน มีเงิน เขาคงมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาความรักเพิ่มเติม

2. งานยุ่งไม่มีเวลา บางคนเขายังไม่อยากมีแฟน เพราะงานเขาเยอะ ต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับงาน จนไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น หากมีแฟนตอนนี้ก็อาจมีปัญหาตามมาได้ เพราะตนเองก็ยังไม่พร้อมและคงไม่มีเวลาให้ด้วย

3. มีประสบการณ์ความรักที่แสนเศร้า บางคนอาจจะเคยมีความรักมาแล้ว แต่เป็นความรักที่ไม่สมหวัง จบไม่สวย ทำให้ปิดกั้นตัวเอง ไม่กล้าเปิดรับใครเข้ามาอีก เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม

4. ไม่มีแฟนตามเพื่อนในกลุ่ม เป็นที่รู้กันอยู่ว่าผู้ชายมักจะติดเพื่อนมากกว่าผู้หญิงดังนั้นหากเพื่อนไม่มีแฟน เราก็ไม่ควรมีตามไปด้วย

5. กลัวมีเวลาให้เพื่อนน้อยลง คนประเภทนี้อาจจะเคยเห็นจากสื่อต่างๆ เช่นหนัง ละคร โฆษณา ที่ว่าพออยู่กับแฟนแล้วเพื่อนโทรมาชวนออกไปข้างนอก แฟนก็ไม่ยอมให้ไปแล้วโวยวาย หรือพออยู่กับเพื่อนแล้วแฟนโทรมาเพื่อนก็จะตัดพ้อต่อว่า เพราะเอาเวลาไปทุ่มให้แฟนจนหมด คนประเภทนี้เลยไม่กล้ามีแฟน

6. กลัวความรักทำให้การเรียนตก เป็นเหตุผลของเด็กเรียน ประเภทมีความสุขกับการมีเกรด 4 ประดับอยู่ในสมุดพกหรือไม่ก็ถูกครอบครัวปลูกฝังให้ตั้งใจเรียนให้จบก่อนค่อยมีแฟน ทำให้หนุ่มคนนั้นไม่กล้าเปิดใจรับใคร

7. กลัวเปลืองเงิน คนประเภทนี้เป็นพวกประเภทขี้งกขี้เหนียว มีความเชื่อที่ผิดๆ ประมาณว่ามีแฟนแล้วเดี๋ยวก็ต้องออกนู้นออกนี้ให้ เงินก็ยังหาเองไม่ได้ งั้นก็อย่ามีให้เป็นภาระเสียเลยจะดีกว่า

เรียบเรียงข้อมูลโดย menmen

ไขปริศนาสายการบิน HELIOS เที่ยวบินที่ 522 โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกสุดแปลก

👉ไขปริศนา! สายการบิน 
HELIOS เที่ยวบินที่ 522 โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกสุดแปลกที่สร้างความสับสนไปทั่วโลก
ค้นหา
Custom Search
ย้อนกลับไปในวันที่ 14 สิงหาคม ปี 2005 เครื่องบินจากสายการบิน Helios Airways เที่ยวบินที่ 522 ได้เดินทางออกจากสนามบินในประเทศไซปรัส เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งโดยปกติการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศ จะใช้เวลาเพียง 1.30 ชั่วโมงโดยประมาณ 

แต่ในวันนั้น HELIOS 522 กลับใช้เวลาในการเดินทางไปแล้วกว่า 2 ชั่วโมง และเครื่องบินก็ได้เข้าสู่น่านฟ้าของประเทศกรีซ โดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะลงจอดแต่อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นหอบังคับการบินยังไม่สามารถติดต่อนักบินได้ ทางการกรีซจึงสันนิษฐานว่า HELIOS 522 อาจถูกจี้ ซึ่งหากเครื่องบินถูกจี้
และถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับก่อเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมา พลเมืองกรีซอาจต้องสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นทางการกรีซจึงได้อนุมัติคำสั่งให้นำเครื่องบิน F-16 ขึ้นไปสังเกตการณ์ แต่สิ่งที่นักบินประจำเครื่องบิน F-16 เห็นก็คือผู้โดยสาร และ ลูกเรืออยู่ในอาการหลับคาหน้ากากออกซิเจนที่ร่วงลงมา และเมื่อมองไปที่ห้องนักบินยังพบชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้อยู่ในอาการหลับ กำลังพยายามควบคุมเครื่องบินอยู่อีกด้วย ทั้งนี้ชายคนดังกล่าวยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อนักบินประจำเครื่องบิน F-16 ที่พยายามส่งซิกแต่อย่างใด ทันใดนั้นเองเครื่องบิน HELIOS 522 ก็เริ่มลดระดับลง จนกระทั่งตกสู่พื้นดินในที่สุด

ผู้โดยสาร 115 คน และลูกเรืออีก 6 ชีวิต บนเครื่องบิน HELIOS 522 เสียชีวิตทั้งหมด การตกของเครื่องบินนำมาสู่ปริศนามากมายที่ไม่มีใครอธิบายได้ในช่วงเวลานั้น เนื่องจากสิ่งที่นักบินบนเครื่องบิน F-16 ให้การสร้างความสับสนให้กับทีมสืบสวนเป็นอย่างมาก เริ่มต้นที่ผู้โดยสารและลูกเรืออยู่ในอาการหลับ อีกทั้งยังมีชายลึกลับอยู่ในห้องนักบินโดยที่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่หลับ และสิ่งเดียวที่จะทำให้ปริศนาทั้งหมดคลี่คลายก็คงจะหนีไม่พ้นการตรวจสอบกล่องดำ หรือเทปบันทึกการบินของเครื่องบิน HELIOS 522

ซึ่งสิ่งที่ทีมสืบสวนได้รับก็คือ ขณะขึ้นบินได้ซักพักเครื่องบิน HELIOS 522 ได้ส่งสัญญาณเตือนเป็นจำนวน 2 ครั้ง โดยเสียงเตือนดังกล่าวเป็นเสียงการเตือนระบบไฟฟ้าทำงานขัดข้องภายในเครื่องบิน หลังจากนั้นภาคพื้นดินก็ไม่สามารถติดต่อเครื่องบิน HELIOS 522 ได้อีกเลย ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวทีมสืบสวนสันนิษฐานว่าทุกคนบนเครื่องบินน่าจะหลับหมดแล้ว ไม่นานนักกล่องดำก็สามารถบันทึกเสียงของชายคนหนึ่งได้อีกครั้ง ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนเครื่องตก 

โดยชายคนดังกล่าวพูดว่า “เหตุฉุกเฉิน เหตุฉุกเฉิน” ก่อนที่เครื่องบินจะโหม่งโลกในที่สุด
ทีมสืบสวนจึงได้ตรวจสอบซากเครื่องบินในชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า เนื่องจากสิ่งที่สัญญานเตือนนั้นอาจเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้เครื่องตก และสิ่งที่ทีมสืบสวนได้พบก็คือแผงควบคุมอากาศบนเครื่องบินถูกปรับเป็นระบบ “ควบคุมเอง” ซึ่งมันไม่ถูกต้องเลยเพราะจริงๆแล้ว แผงควบคุมอากาศควรปรับให้อยู่ในระบบ “ควบคุมอัตโนมัติ” 

สิ่งนี้เป็นหลักฐานช่วยยืนยันว่าทำไมทุกคนบนเครื่องบินจึงมีลักษณะคล้ายกับกำลังนอนหลับ ซึ่งแท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้หลับ แต่เป็นเพราะบนเครื่องบินมีอากาศไม่เพียงพอ เนื่องจากแผงควบคุมตั้งอยู่ในระบบควบคุมเอง ซึ่งภายในเครื่องบินยังคงอากาศไว้เท่าเดิม แต่เมื่อเครื่องบินไต่ระดับไปในความสูงที่เพิ่มขึ้นความดันอากาศทำให้อากาศภายในเครื่องบินลดต่ำลง จนกระทั่งไม่เหลืออากาศและเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนบนเครื่องบินหมดสติไปในที่สุด

นอกจากนี่ทีมสืบสวนยังได้ตรวจสอบเนื้อเยื่อที่ผิดปกติบริเวณที่นั่งนักบิน ซึ่งพบเนื้อเยื่อของบุคคลที่ต่างกันปะปนอยู่ในเบาะเดียวกัน ซึ่งนี่อาจเป็นหลักฐานที่ช่วยยืนยันว่าชายปริศนาที่นักบิน F-16 เห็นคือใคร และผลการตรวจสอบก็พบว่าเนื้อเยื่อดังกล่าวเป็นของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 
ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่กล่องดำสามารถบันทึกเสียงขอความช่วยเหลือเอาไว้ได้ 

ทั้งนี้ทีมสืบสวนได้พยายามขุดประวัติของพนักงานบริการคนนี้ เพื่อตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายหรือไม่ แต่ก็ไม่พบว่าเขามีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และดูเหมือนขณะที่เครื่องใกล้ตกเขาพยายามจะนำเครื่องบินลงจอดเสียด้วย เนื่องจากเขาเป็นถึงอดีตนักเรียนการบินที่เคยผ่านการขับเครื่องบินมาแล้ว นอกจากนี้ทีมสืบสวนยังพบว่าเขาเป็นถึงอดีตนักดำน้ำ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีความสามารถในการควบคุมลมหายใจได้มากกว่าคนอื่น และเป็นเพียงคนเดียวของเครื่องบินที่ยังไม่หมดสติ
โดยสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกแบ่งเป็น 2 สาเหตุสำคัญ คือ
 1. เครื่องบินน้ำมันหมด เพราะโดยปกติแล้วน้ำมันของเครื่องบินจะถูกตามระยะทางการบิน หรือเผื่อในกรณีฉุกเฉินที่เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ แต่กับ HELIOS 522 เครื่องบินลอยตัวอยู่เกือบ 3 ชั่วโมงทำให้น้ำมันไม่เพียงพอ

 2. แผงควบคุมอากาศ ความผิดพลาดของแผงควบคุมอากาศ เกิดจากทีมตรวจสอบการทำงานของเครื่องบิน เผลอหมุนสวิทช์ไปตำแหน่ง ‘ควบคุมเอง’ 

ในขณะที่พวกเขากำลังตรวจสอบการทำงานของมัน ซึ่งโดยปกติแล้วหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสอบพวกเขาควรปรับกลับไปที่ ‘ควบคุมอัตโนมัติ’ แต่พวกเขากลับลืม และนักบินก็ไม่ได้ตรวจสอบให้เรียบร้อย จึงนำมาสู่โศกนาฏกรรมสุดสยองในที่สุด

พบถ้ำใต้น้ำขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของอารยธรรมโบราณ

ทีมนักสำรวจพบถ้ำใต้น้ำขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของอารยธรรมโบราณ

ค้นหา
Custom Search
Guillermo de Anda นักโบราณคดี จาก Mexico’s National Institute of Anthropology and History. พร้อมทีม ได้ดำน้ำลงไปสำรวจถ้ำใต้น้ำขนาดใหญ่ ในพื้นที่รัฐกินตานาโร ประเทศเม็กซิโก โดยถ้ำแห่งนี้มีความยาวมากถึง 347 กิโลเมตร ถือเป็นถ้ำใต้น้ำที่มีความยาวมากที่สุดโลก
พวกเขาได้พบกับหลักฐานทางโบราณคดีของชาวมายาเป็นจำนวนมาก มันอาจเป็นร่องรอยว่ามนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ได้อย่างไร

👉อาณาจักรมายา เป็นอาณาจักรโบราณในอเมริกากลาง มีพื้นที่บริเวณประเทศเม็กซิโกคาบเกี่ยวกับเบลีซและกัวเตมาลา มีความรุ่งเรืองช่วง 500 ปีก่อน....

วัตถุโบราณหินปลั๊กสามตา ที่เรียกกันว่า The Enigmalith


ค้นหา
Custom Search
Enigmalis Williams 
(วิลเลียมส์ Enigmalith)
หินก้อนนี้ถูกพบขณะที่ John J. Williams วิศวกรไฟฟ้ากำลังปีนเขาในปี 1998 เขาเห็นเจ้าสิ่งนี้ผุดขึ้นมาจากพื้น เขาจึงเจาะลงไปดูและได้เจอกับปลั๊กสามตา จากการนำไปตรวจสอบพบว่า สิ่งที่เราเห็นไม่ได้ถูกติดกาวหรือถูกฝังลงไปในหิน แต่มันเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับหินก้อนนี้และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

John เชื่อว่านี่คือความล้ำสมัยที่เกิดขึ้นในอดีตกาลนานมาแล้ว และเขาปฏิเสธที่จะบอกคนอื่นๆ ว่าได้ไปเจอหินก้อนนี้ที่ไหนมา

ในปี 1998 นักเดินทางชื่อจอห์นเจ. วิลเลียมส์สังเกตเห็นโลหะที่ยื่นออกมาแปลก ๆ ในโคลน เขาขุดหินแปลก ๆ ออกมาซึ่งเมื่อมันปรากฏออกมาหลังจากทำความสะอาดก็มีชิ้นส่วนไฟฟ้าแปลก ๆ ติดอยู่ อุปกรณ์ไฟฟ้านั้นทำขึ้นเองอย่างเห็นได้ชัดและเหมือนปลั๊กไฟฟ้า

ตั้งแต่นั้นมาหินนี้ได้กลายเป็นความลับที่รู้จักกันดีในแวดวงผู้ที่ชื่นชอบยูเอฟโอ พวกเขาเขียนเกี่ยวกับเขาในนิตยสารยูเอฟโอและ (ตามที่วิลเลียมส์) ใน Fortean Times นิตยสารชื่อดังที่อุทิศให้กับปรากฏการณ์ลึกลับ วิลเลียมส์วิศวกรไฟฟ้ากล่าวว่าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ฝังอยู่ในหินไม่ได้ติดกาวหรือฝังอยู่ในหินแกรนิต อันที่จริงแล้วหินนั้นถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ อุปกรณ์

หลายคนเชื่อว่า Enigmalit Williams เป็น "เป็ด" เพราะ Williams ปฏิเสธที่จะแยกหิน ออกเพื่อเอามาวิเคราะห์ แต่เขาตกลงที่จะขายในราคา $ 500,000 

นอกจากนี้อุปกรณ์หินดูเหมือนว่าหินแต่แปลกประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายอุปกรณ์ไฟฟ้าฝังผนึกในหิน ซึ่งอุปกรณ์น่าใช้ในวงการไฟฟ้ามากกว่า แต่เป็นไปไม่ได้เพราะหินนี้มีอายุหลายล้านปี ซึ่งเป็นยุคตันก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ทางธรณีวิทยาระบุว่าเห็นได้ชัดว่าหินมีอายุประมาณ 100,000 ปีและหากเป็นจริงแล้วอุปกรณ์ภายในนั้นไม่สามารถทำงานของมนุษย์ได้ วิลเลียมส์มีความมั่นใจมากในการพบว่าเขายินยอมให้การศึกษา
อินิกามาไลต์ภายใต้เงื่อนไขสามประการดังต่อไปนี้
👉เขาจะต้องอยู่ร่วมและรับรู้ข้อมูลที่จะทำการวิจัยหินนั้นด้วยเสมอ
👉จะต้องไม่ทำหรือเป็นอันตรายเสียหายต่อวัคถุโบราณนี้
👉และเขาจะไม่จ่ายเงินสำหรับการวิจัย
The Enigmalith

นี่อาจเป็นจดหมายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

🗻นี่อาจเป็นจดหมายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
ค้นหา
Custom Search
Tonya Illman เดินอยู่ริมชายหาดบนเกาะ Wedge Island รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย เธอได้พบกับขวดโหลแปลกๆ ใบหนึ่งฝังอยู่ในหาดทราย จึงลองเก็บขึ้นมาดูปรากฎว่าในขวดใบแปลกนี้มีกระดาษม้วนอยู่ภายใน
เมื่อเธอเปิดมาดูพบว่ามีกระดาษใบหนึ่งภายในเขียนข้อความเป็นภาษาเยอรมัน ในกระดาษใบนั้นได้เขียนวันที่ไว้เมื่อ 12 มิถุนายน 1886 จากนั้นเธอนำกระดาษและขวดนี้ไปให้ทาง Western Australian Museum เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นขวดโบราณจริง

ย้อนไปในช่วงปี 1864 -1933 ทางเยอรมัน ได้สำรวจกระแสน้ำโดยให้เรือเยอรมันหลายลำทิ้งข้อความในขวดโหลนี้ลงกลางทะเล ในกระดาษเป็นแบบฟอร์มที่ให้กัปตันเรือกรอกพิกัดที่ลอยลำ รายละเอียดเส้นทางเดินเรือ และวันที่ทิ้งขวดโหลลงน้ำ โดยได้เขียนลงในกระดาษว่าหากใครที่พบขวดโหลนี้ให้ส่งกลับศูนย์สังเกตการณ์ทางทะเล หรือ กงศุลที่ใกล้ที่สุด
คาดว่าขวดใบนี้ถูกทิ้งห่างจากชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียประมาณ 950 กิโลเมตร
จากการสำรวจได้มีผู้เก็บขวดโหลส่งกลับมาถึง 662 รายด้วยกัน โดยมีรายงานการพบขวดการทดลองครั้งสุดท้ายอยู่ในปี 1934

Disc Sabu ปริศนาลึกลับของอารยธรรมอียิปต์

Disc Sabu

ค้นหา
Custom Search
สิ่งประดิษฐ์โบราณลึกลับที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลไกที่ไม่รู้จักถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวอียิปต์วอลเตอร์ไบรอันในปี 1936 ในขณะที่ตรวจสอบหลุมฝังศพของ Mastab Sabu ที่อาศัยอยู่ประมาณ 3100 - 3000 ปีก่อนคริสตกาล สุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Saqqara


   สิ่งประดิษฐ์เป็นแผ่นหินบางผนังรอบปกติทำจากเมตาดาซิลต์ (เมตาซิลต้าในคำศัพท์ตะวันตก) โดยมีขอบโค้งบางสามโค้งงอตรงกลางและแขนเสื้อทรงกระบอกเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงกลาง 

ในสถานที่ที่ขอบกลีบกลีบงอไปยังศูนย์กลางเส้นรอบวงของแผ่นดิสก์จะดำเนินต่อไปด้วยขอบบางของส่วนวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งเซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 70 ซม. รูปร่างของวงกลมไม่สมบูรณ์ แผ่นนี้ก่อให้เกิดคำถามจำนวนมากทั้งเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่เข้าใจยากของวัตถุที่คล้ายกันและเกี่ยวกับวิธีการที่ทำขึ้นเนื่องจากมันไม่มี analogues 


เป็นไปได้ว่าเมื่อห้าพันปีก่อนแผ่นดิสก์สะบ้ามีบทบาทสำคัญ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถระบุวัตถุประสงค์และโครงสร้างที่ซับซ้อนได้อย่างถูกต้อง คำถามยังคงเปิดอยู่